ดูแลตัวเองอย่างไร? เมื่อเข้าสู่ฤดูไข้เลือดออก
บทความสุขภาพ
ดูแลตัวเองอย่างไร? เมื่อเข้าสู่ฤดูไข้เลือดออก
ทุกปีในช่วงหน้าฝน มักเป็นช่วงที่ยุงลาย ระบาดหนัก และเป็นพาหะสำคัญของโรค ไข้เลือดออก (Dengue Fever) ซึ่งเป็นโรคอันตรายที่พบมากในประเทศไทย โดยเฉพาะในเด็กและวัยรุ่น แต่ผู้ใหญ่เองก็มีโอกาสติดเชื้อได้เช่นกัน
ไข้เลือดออก เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่มีพาหะนำโรคคือยุงลาย เป็นโรคที่พบได้ทั่วไปในพื้นที่เขตร้อนและกึ่งเขตร้อนทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยเองก็เป็นหนึ่งในประเทศที่พบผู้ป่วยไข้เลือดออกจำนวนมากทุกปี โรคนี้ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที การรู้จักและเข้าใจลักษณะอาการของไข้เลือดออกจะช่วยให้สามารถตรวจพบโรคได้ตั้งแต่เนิ่นๆ และลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้
อาการไข้เลือดออก
อาการคล้ายการติดเชื้อไวรัสทั่ว ๆ ไป แต่มักไม่พบอาการทางระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ จาม เจ็บคอ มีน้ำมูก
- มีไข้สูงเฉียบพลันเกิน 38 องศา ประมาณ 2-7 วัน
- เบื่ออาหาร ร่วมกับอาการคลื่นไส้ อาเจียน และอาจมีอาการปวดท้องร่วมด้วย
- ปวดศีรษะ หน้าแดง บางรายอาจมีจุดเลือดสีแดงขึ้นตามผิวหนัง เช่น แขนขา และลำตัว
- อาจมีเลือดกำเดาหรือเลือดออกตามไรฟัน และอุจจาระปนเลือด
- ในรายที่มีอาการรุนแรงมาก อาจเกิดภาวะการไหลเวียนโลหิตล้มเหลวหรือภาวะช็อก ผู้ป่วยจะมีอาการกระสับกระส่าย ปลายมือปลายเท้าเย็น ปัสสาวะน้อยลง ไข้ลดลงอย่างรวดเร็ว ความดันโลหิตลดต่ำ วัดชีพจรไม่ได้ และอาจทำให้เสียชีวิตในที่สุด
กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย
- ปิดฝาภาชนะเก็บน้ำให้มิดชิด
- เทน้ำขังทิ้ง เปลี่ยนน้ำในแจกันหรือถ้วยรองขาตู้ปลาอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
- กำจัดขยะที่เป็นภาชนะเก็บน้ำ เช่น กระป๋อง ขวดพลาสติก
- นอนในมุ้งหรือห้องที่มีมุ้งลวด
- ทายากันยุง โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางวัน (ยุงลายกัดมากในเวลากลางวัน)
- สวมเสื้อผ้าปกปิดร่างกายมากขึ้น
- กินอาหารที่มีประโยชน์
- ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ
- พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน
- หากมีไข้สูงผิดปกติ หรือมีอาการเข้าข่าย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
- ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก (Dengue Vaccine) ที่ช่วยลดความรุนแรงและความเสี่ยงในการป่วย โดยเฉพาะในผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง

ติดตาม โซเชียลเน็ตเวิร์ก ของเรา
![]() | ![]() | ![]() | ![]() | ![]() | ![]() |