ต่างกันอย่างไร? การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแต่ละวิธี
บทความสุขภาพ
ต่างกันอย่างไร? การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแต่ละวิธี
มะเร็งปากมดลูก (Cervical Cancer) เป็นหนึ่งในมะเร็งที่พบได้บ่อยในผู้หญิง และมักไม่แสดงอาการชัดเจนในระยะแรก กว่าผู้ป่วยจะรู้ตัวก็อาจลุกลามจนรักษาได้ยากแล้ว การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นวิธีสำคัญในการป้องกันและตรวจพบความผิดปกติได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ปัจจุบันมีการตรวจคัดกรองหลายวิธี แต่ละแบบมีความแตกต่างกันทั้งในด้านขั้นตอน ความแม่นยำ และความเหมาะสมกับช่วงวัย วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจ ความต่างของการตรวจ Pap Smear, ThinPrep และ HPV DNA Test
Pap Smear (แป๊ปสเมียร์)
เป็นวิธีดั้งเดิมและใช้มานานกว่า 50 ปี แพทย์จะเก็บเซลล์จากปากมดลูกแล้วนำไปป้ายบนสไลด์กระจก ส่งตรวจในห้องแล็บเพื่อดูความผิดปกติของเซลล์
ข้อดี
- ราคาประหยัด
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการตรวจเบื้องต้น
- สามารถทำได้ง่ายในสถานพยาบาลทั่วไป
- ความแม่นยำอาจไม่สูงนัก เพราะตัวอย่างเซลล์บางส่วนอาจสูญเสียระหว่างการเก็บและการแปลผล
- หากผลปกติ ยังต้องตรวจซ้ำทุก 1 ปี
ThinPrep (ตรวจแป๊ปสเมียร์แบบของเหลว)
เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนามาจาก Pap Smear โดยนำเซลล์จากปากมดลูกไปแช่ในน้ำยาพิเศษก่อนตรวจ ทำให้ได้ตัวอย่างเซลล์ครบถ้วนและชัดเจนมากขึ้น
ข้อดี
- ความแม่นยำสูงกว่าการทำ Pap Smear แบบเดิม
- ลดความผิดพลาดจากการเก็บตัวอย่างไม่ครบ
- สามารถนำตัวอย่างเดียวกันไปตรวจหาเชื้อ HPV ได้ด้วย
- ราคาสูงกว่า Pap Smear เล็กน้อย
- หากผลปกติยังต้องตรวจซ้ำทุก 1-3 ปี ตามคำแนะนำแพทย์
HPV DNA Test
เป็นการตรวจหา เชื้อไวรัส HPV สายพันธุ์เสี่ยงสูง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดมะเร็งปากมดลูก วิธีนี้ไม่ได้ตรวจแค่เซลล์ที่ผิดปกติ แต่ตรวจหาเชื้อ HPV โดยตรง
ข้อดี
- ตรวจหาเชื้อ HPV ได้แม้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงของเซลล์
- ความแม่นยำสูงมาก
- หากผลปกติ สามารถเว้นระยะการตรวจได้ 3-5 ปี
- ราคาสูงกว่าวิธีอื่น
- หากพบเชื้อ อาจต้องตรวจติดตามร่วมกับ Pap Smear/ThinPrep เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของเซลล์
- ผู้หญิงที่เริ่มต้นตรวจคัดกรอง – Pap Smear หรือ ThinPrep ก็เหมาะสำหรับการตรวจเบื้องต้น
- ผู้หญิงอายุ 30 ปีขึ้นไป – ควรพิจารณาตรวจ HPV DNA Test ร่วมกับ ThinPrep เพื่อความแม่นยำสูงสุด
- ผู้ที่เคยมีผลผิดปกติ – ควรตรวจตามคำแนะนำของแพทย์อย่างต่อเนื่อง
ติดตาม โซเชียลเน็ตเวิร์ก ของเรา
 |  |  |  |  |  |
